แฉเบิกท่อน้ำเลี้ยง2หมื่นล.
วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ดีเอสไอเดินหน้าสั่งสถาบันการเงินส่งเส้นทางเงินท่อน้ำเสี้ยง 106 รายชื่อ ภายใน 20 พ.ค. ฝ่าฝืนคุก 2 ปี ขณะที่สมุนทักษิณเรียงหน้าโวยลั่น "พันธุ์เลิศ" ขู่ฟ่ออย่ามาตีเมืองขึ้น ลั่นไม่สยบให้ ศอฉ. ขณะที่ ส.ส.กทม.เพื่อไทย คิดไปไกลอ้างแผนแบล็กเมล์เลือกตั้ง ส.ข. "เทพไท" อ้างการข่าว 6 เดือน เบิกเงินสดไปแล้ว 2 หมื่นกว่าล้าน ช่วงวิกฤติเบิกสดๆ ไปอีก 7 พันล้าน
เมื่อวันจันทร์ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้แทนกรมสรรพากร ได้ประชุมร่วมกันเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่ง ศอฉ. เรื่องการห้ามมิให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมการเงินของบุคคลและนิติบุคคล 106 ราย
มีการเชิญผู้แทนสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย และสหกรณ์ ที่เปิดกิจการในประเทศไทยกว่า 80 แห่ง เข้ารับทราบแนวทางปฏิบัติ พร้อมกำชับให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของ 106 รายชื่อ ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.52 จนถึงวันที่ 17 พ.ค.53 มายัง ศอฉ.ภายในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ผู้ฝ่าฝืนจะไม่ได้รับการผ่อนผัน โดยถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท นับเป็นรายธุรกรรม
นายธาริตกล่าวว่า ศอฉ.ได้ประกาศคำสั่งระงับธุรกรรมการเงิน 106 ราย ในวันที่ 16 พ.ค. โดยคำสั่งถือว่ามีผลหลังเวลา 24.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. หากสถาบันการเงินใดยอมให้มีการเบิกถอนเงินตั้งแต่เวลาดังกล่าว จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่ง ศอฉ.จะประกาศรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลที่ถูกระงับการทำธุรกรรมเพิ่มเติมอีกกว่า 10 ราย
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาทได้อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับ 106 รายชื่อ ให้หมายความรวมถึงผู้ได้รับผลประโยชน์ในทอดสุดท้าย ได้แก่ บุคคลที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง หรือผู้มีอำนาจควบคุมการทำธุรกรรมในลักษณะการครอบงำกิจการ ไม่รวมถึงบุตรหรือภรรยาของ 106 รายชื่อ ส่วนรายที่เป็นนิติบุคคลให้รายงานธุรกรรมของกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นบริษัทที่มีสัดส่วนหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป และหากบุคคลที่มีรายชื่อใน 106 รายชื่อ เข้าไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทใดนอกเหนือจากนิติบุคคล 13 รายชื่อ ให้สถาบันการเงินมีหน้าที่ต้องนำส่งรายงานธุรกรรมย้อนลงด้วย
ทั้งนี้ รวมถึงการทำธุรกรรมของผู้รับมอบอำนาจแทนทั้ง 106 รายชื่อ หากสถาบันการเงินหลีกเลี่ยงไม่รายงาน แม้จะไม่มีความผิดฐานขัดคำสั่ง ศอฉ. แต่จะมีความผิดตามกฎหมายการฟอกเงิน
ผู้แทนธนาคารซักถามว่า หากลูกค้าต้องการตัดบัญชีธนาคารเพื่อชำระหนี้ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รวมถึงรายการใช้จ่ายอื่นๆ จะทำอย่างไร พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ศอฉ.ประกาศชัดเจนให้เจ้าหน้าที่ธนาคารและลูกค้านำเอกสารรายการการชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ รายได้ และระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายจ่ายเข้ายื่นคำขอเพื่อขอเบิก ถอนเงินไปใช้ โดยต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างไร ซึ่ง ศอฉ.จะพิจารณาอนุญาตเป็นรายบุคคล และรายธุรกรรม
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า ในส่วนของสถาบันการเงินยังต้องรายงานข้อมูลการทำธุรกรรมย้อนหลังของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มายัง ศอฉ.เพื่อตรวจสอบว่ามีที่มาของเงินฝากจากแหล่งใดบ้าง
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับนิติบุคคลที่ ศอฉ.จะประกาศเพิ่มเติมอีก 4 รายการ ประกอบด้วย บริษัท เวิร์ค ซัพพลายด์, บริษัท บีบีดี ดิเวลล็อปเม้นท์, บริษัท บีบีดี พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัท เอสซี แอสเสท โอเปอร์เรชั่น
สำหรับแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่ง ศอฉ.ที่ 49/2553 เกี่ยวกับแนวทางในการพิจารณาข้อเท็จจริงของลูกค้าที่เป็นบุคคล หรือนิติบุคคล ว่าการทำนิติกรรมสัญญา หรือการดำเนินการใดๆ ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินว่าเป็นหรือไม่ได้เป็นการประทำ หรือสนับสนุนการกระทำเพื่อให้เกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง อ่านรายละเอียดได้ที่หน้า 2
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีรายชื่อของผู้ที่ถูก ศอฉ.อายัดบัญชี 106 เครือข่าย นปช. แต่เนื่องจากธนาคารมีสาขามากกว่า 600 สาขา ทำให้การตรวจสอบข้อมูลทำได้ยาก จึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนได้ข้อสรุป
ขณะที่กลุ่ม 106 รายชื่อ ไม่พอใจกับการกระทำของ ศอฉ. ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง
นายพันธุ์เลิศ ใบหยก เจ้าของกลุ่มโรงแรมใบหยก กล่าวว่า ไม่ทราบว่าตนไปเกี่ยวอะไรด้วย ถึงเอาชื่อตนไปโยงเกี่ยวข้องกับกลุ่ม นปช. เชื่อว่าคนที่รู้จักตนดีและรู้ตัวเองดีว่า ที่ผ่านมาได้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ถึงมากล่าวหาว่าตนเป็นนอมินี หากจะตรวจสอบก็เข้ามาตรวจสอบได้เลย เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
"น่าผิดหวังกับ ศอฉ.ว่าผมไปเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะมองว่าผมเคยเป็นสมาชิอกพรรคไทยรักไทย แต่ก็ 4 ปีมาแล้ว จะมาหาว่าผมไปเป็นพวก นปช.ได้อย่างไร"
นายพันธุ์เลิศเชื่อว่านี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู ตนไม่ห่วงให้ไปตรวจสอบบัญชีการเงินของธนาคารได้ กลัวอย่างเดียวคือการกลั่นแกล้งกัน ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ทหารปิดถนน โรงแรมของตนก็ต้องปิด ธุรกิจเดือดร้อนไปหมด แถมมาออกแบล็กลิสต์แบบนี้โดยไม่ให้โอกาสชี้แจง ทำแบบนี้ได้อย่างไร ใช้อำนาจล้นฟ้าโดยไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรอง อาจให้ตนเข้าไปวิ่งหาที่ ศอฉ.ทำเหมือนจะเอาเป็นเมืองขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ไปแน่ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ขณะนี้นักธุรกิจคนอื่นที่โดนมาตรการเช่นนี้เริ่มหวาดผวากันแล้ว
ด้านนางพิมพา จันทร์ประสงค์ อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.นนทบุรี กล่าวว่า ครอบครัวของตนมีความจงรักภักดี เคารพและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ เชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบก็มิได้เคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง อีกทั้งบุตรชายคือ นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ได้ดำเนินการต่างๆ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลมาตลอด
นางบอกว่า ศอฉ.อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือเข้าใจผิด คิดว่าตนยังทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาอาจมองว่า ตนสนิทกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม และพรรคไทยรักไทย แต่ในความเป็นจริงเมื่อตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว
"อีกทั้งคำพูดของ ศอฉ.ที่กล่าวหาคนเสื้อแดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ก็เท่ากับกล่าวหาดิฉันว่าเป็นผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้าย ตามที่ ศอฉ.พูดด้วย จึงขอให้ ศอฉ.แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องและประกาศให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบด้วย" นางพิมพากล่าว
ส่วนนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ได้เตรียมที่จะปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว เพราะตนเป็นนักธุรกิจจะต้องทำธุรกิจเพื่อหารายได้ การมาสั่งห้ามทำธุรกรรมทางการเงินด้วยความลุแก่อำนาจของรัฐบาลและ ศอฉ. สร้างความเสียหายให้อย่างมาก
"แม้ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว จะเป็นสถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ก็เป็นในลักษณะของการเช่าพื้นที่ทางธุรกิจ ซึ่งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องอื่นๆ อย่างเอ็มวี และมีเดียออฟมีเดียส์ก็มาเช่าพื้นที่เช่นกัน" นายสงคราม ซึ่งมีบุตรสาวขึ้นเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงในฐานะนักวิชาการกล่าว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณแถลงว่า ตนเป็นหนึ่งในรายชื่อนั้นเช่นเดียวกัน แต่ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่มองว่ามาตรการของ ศอฉ.เป็นการเหวี่ยงแห ละเมิดสิทธิประชาชน เพราะเชื่อว่าคนที่มีรายชื่อตามประกาศ รวมทั้งแนวร่วม นปช.ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ทั้งนี้ ตนดำเนินการเพื่อจะฟ้องร้อง ศอฉ. ที่กระทำการลุแก่อำนาจเช่นนี้
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิดคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย มีรายชื่อใน 106 คนเกือบครบทั้งหมด จะขาดก็เพียงนายดนุพร ปุณณกัณต์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว
"จากรายชื่อทั้ง 106 คน ปรากฏว่า ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และแกนนำภาค กทม.โดนกันหมด ซึ่งถ้าดูกันจริงๆ ส.ส.กทม.ไม่มีปัญญาจะไปสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงได้ขนาดนั้น แต่เป็นการพยายามตัดหัว ตัดแขนและตัดขา ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้โอกาสขี่คอในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) กรุงเทพฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน"
แต่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โต้ว่าเป็นความเข้าใจผิดสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่พยายามจะเบี่ยงเบนนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ข. ซึ่งไม่มีมูลความจริง เป็นการแสดงความเห็นในลักษณะหวังผลทางการเมืองมากกว่าข้อเท็จจริงที่มีอยู่
นายเทพไทกล่าวว่า จากข้อมูลการข่าวได้มีการตรวจพบความผิดปกติของเส้นทางการเงินในกลุ่มคนที่เป็นเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณคนหนึ่งว่า ช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเบิกเงินสดจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงมาจำนวนสูงถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท และเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ค. มีการเบิกเงินสดจากสถาบันการเงินต่างๆ อีกประมาณ 7 พันล้านบาท จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าจำนวนเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.หรือไม่ และเงินดังกล่าวได้นำไปใช้ในการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายที่กำลังปฏิบัติการล้มล้างอำนาจรัฐในขณะนี้หรือไม่.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น