ผู้ติดตาม

ค้นหาบล็อกนี้

ร้องคุณพ่อยูเอ็น ทางเลือกสุดท้ายของทักษิณ

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การชุมนุมคนเสื้อแดงเลยเถิดจนได้ข้อสรุปแล้วว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย หรือความยุติธรรมในสังคม แม้ช่วงเริ่มต้นการชุมนุมบางฝ่ายจะหลงมองว่าเป็นเช่นนั้น สุดท้ายการเรียกร้องเพื่อให้ระบอบทักษิณได้อำนาจและทรัพย์สมบัติคืน ได้ประจานตัวเองออกมาว่าเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว คนเสื้อแดงพร้อมที่จะแลกกับความวิบัติของประเทศ
เงื่อนไขที่นำไปสู่การร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง เป็นไปได้ว่ามีการเตรียมการมาอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งงานกันทำ โดยแต่ละทีมอาจรู้จักหรือไม่รู้จักกัน ที่สำคัญคือแต่ละทีมมีหัวหน้าคนเดียวกันคือ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร
ความรุนแรงที่นำไปสู่การล้มตายของประชาชนเป็นเงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้นมา มีการปล่อยให้เกิดด้วยความตั้งใจ มีความพยายามในการเพิ่มจำนวนศพให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ดูเสมือนว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหมือนที่เคยเกิดในรวันดา หรือโซมาลีในอดีต
เมื่อตรวจสอบการปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างคนเสื้อแดงกับทหาร ทั้งที่ถนนพระราม 4 ย่านชุมนุมบ่อนไก่ บริเวณถนนราชปรารภถึงสามเหลี่ยมดินแดง และบริเวณแยกศาลาแดง ซึ่งเป็นพื้นที่นอกการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ทั้งหมดเป็นการเข้าโจมตีกลุ่มทหารที่ตรึงกำลังหลังเข้ากระชับพื้นที่ โดยเฉพาะการปะทะบริเวณชุมนุมบ่อนไก่ มีการใช้อาวุธหนักยิงมาจากสวนลุมพีนี คือเอ็ม 79 และตึกสูงฝั่งซอยงามดูพลี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มติดอาวุธนั้น มีอยู่ทั้งในและนอกพื้นที่การชุมนุมจำนวนมาก
การที่ไม่มีทหารเสียชีวิต ก็เป็นอีกประเด็นที่มีความพยายามยกระดับให้เป็นประเด็นที่โดดเด่นขึ้นมา เพราะบทเรียนจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ที่มีทหารเสียชีวิตจำนวนมากจากการตั้งใจยิง ได้กลายเป็นความผิดพลาดในเชิงยุทธศาสตร์ เมื่อคนเสื้อแดงตายและทหารก็ตายด้วย ได้เกิดข้อสงสัยที่มีการตั้งคำถามกันมากว่า คนเสื้อแดงไม่ได้ชุมนุมโดยสงบสันติอย่างแท้จริง แต่มีกองกำลังติดอาวุธสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร และแม้แต่การปลิดชีพคนเสื้อแดงด้วยกันเอง บทเรียนครั้งนั้นจึงได้มีการปรับเปลี่ยนไม่ให้มีทหารตาย
จริงอยู่ที่ครั้งนี้ทหารเตรียมตัวมาดี ไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้ตัวได้ แต่หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ทหารทั้งหมดที่เสียชีวิตไม่ได้มีเหตุมาจากการปะทะในระยะประชิด แต่ป็นการยิงในระยะหวังผลทั้งสิ้น
จะสังเกตได้ว่า ทหารที่ปักหลักบริเวณสนามมวยลุมพินียังอยู่ในระยะยิงของเอ็ม 79 ที่ยิงมาจากภายในสวนลุมพินี แต่กลับมีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเสียชีวิตเพราะเอ็ม 79 และการยิงจากตึกสูงแทนที่จะเป็นทหาร ปรากฏการณ์นี้ส่อให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของกลุ่มติดอาวุธ เป็นไปตามใบสั่งให้มีประชาชนเสียชีวิตเพียงฝ่ายเดียว เพื่อยกระดับปัญหาไปสู่เวทีโลก
การที่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เลือกวิธีนี้ เป็นเพราะการต่อสู้โดยใช้มวลชนเข้ากดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ไม่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จได้ จึงต้องหันไปเล่นวิธีอื่นที่มีโอกาสมากกว่าคือใช้เวทีโลกกดดัน แต่การจะได้มาซึ่งเงื่อนไขให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาสนใจอย่างจริงจังนั้น ต้องยกระดับความรุนแรงให้มากกว่าที่เป็นอยู่
และพบว่ามีการแบ่งกันทำงานอย่างชัดเจน พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ยื่นหนังสือไปยังองค์การสหประชาชาติ แกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ชุมนุมทำหน้าที่แถลงข่าวให้ความเคลื่อนไหวกับสื่อมวลชนต่างประเทศ และกองกำลังติดอาวุธมีหน้าที่สร้างเงื่อนไขให้มีการเสียชีวิต โดยมีคนเสื้อแดงตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครั้งนี้
แม้มีการปัดความรับผิดชอบโดยแกนนำคนเสื้อแดงในแยกราชประสงค์ว่า ไม่สามารถควบคุมคนเสื้อแดงที่อยู่รอบนอกได้ แต่นั่นคือสิ่งที่คนเหล่านี้อยากให้เป็น เพราะโดยสามัญสำนึกของนักประชาธิปไตยแล้ว เมื่อไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ สิ่งที่ต้องดำเนินการในทันทีคือ สั่งยุติการชุมนุมนั้นเสีย และแกนนำคนเสื้อแดงเคยตัดสินใจเช่นนั้นมาแล้วในเหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว
ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เมื่อแกนนำหัวรุนแรงเข้ากุมการนำทั้งหมด จุดจบของการชุมนุมครั้งนี้จึงมีแนวโน้มสูงที่จะมีการนองเลือดเพิ่มขึ้นอีกมากในตัวเลขที่น่าตกใจ จากการปะทะกันโดยใช้อาวุธสงคราม แต่จะไม่มีทางที่สหประชาชาติจะเข้ามาได้ เพราะนี่ไม่ใช่สงครามล้างเผ่าพันธุ์ แต่เป็นการปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่ติดอาวุธร้ายแรง.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About This Blog

  © Blogger template The Beach by Ourblogtemplates.com 2009

Back to TOP